ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้เปลี่ยนบทบาทจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน
มาเป็นหนึ่งใน “ศูนย์กลางการค้าระดับโลก (Global Trade Gateway)” ที่เชื่อมโยงเส้นทางโลจิสติกส์ระหว่าง เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
ด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ท่าเรือที่ทันสมัย สนามบินขนาดใหญ่ และนโยบายเศรษฐกิจเปิดเสรี
UAE โดยเฉพาะ “ดูไบ (Dubai)” ได้กลายเป็นประตูสำคัญของการขนส่งสินค้าและบริการในศตวรรษที่ 21
ทำไม UAE จึงกลายเป็น “Gateway” ของการค้าโลก
1. ทำเลทองทางภูมิศาสตร์
ดูไบตั้งอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ระหว่าง เอเชียใต้ – ตะวันออกกลาง – ยุโรป ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยเพียง 8 ชั่วโมง ถึงเมืองสำคัญกว่า 2 ใน 3 ของโลก ทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สามารถกระจายสินค้าได้ทั่วทุกทวีป
2. โครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร
- Jebel Ali Port — ท่าเรือพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง และ กลับเข้าสู่ Top 10 ของโลกในปี 2023 ตามรายงานของ Alphaliner โดยมีปริมาณตู้สินค้ารวมกว่า 14.47 ล้าน TEU ต่อปี
- Dubai International Airport (DXB) — สนามบินที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก โดยปี 2024 มีผู้โดยสารกว่า 92.3 ล้านคน (สูงสุดในประวัติการณ์)
- Al Maktoum International Airport (DWC) — ศูนย์กลางสินค้าทางอากาศของดูไบ ปัจจุบันมีขีดความสามารถ ประมาณ 1 ล้านตัน/ปี และมีแผนขยายสู่ 12 ล้านตัน/ปี เมื่อโครงการพัฒนาแล้วเสร็จเต็มรูปแบบภายในทศวรรษหน้า
เมื่อเชื่อมโยงทั้งสนามบินกับ ท่าเรือ Jebel Ali และโครงข่ายรถไฟ Etihad Rail ระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร
ดูไบจึงกลายเป็น “Multimodal Logistics Hub” ที่รวมทุกโหมดการขนส่งไว้ในเมืองเดียว — เรือ เครื่องบิน และราง
เส้นทางโลจิสติกส์ใหม่: จากเอเชียสู่ยุโรปผ่าน UAE

UAE มีบทบาทสำคัญในโครงการ India–Middle East–Europe Economic Corridor (IMEC)
ซึ่งประกาศความร่วมมือครั้งแรกในที่ประชุม G20 ปี 2023 ระหว่างอินเดีย ซาอุดีอาระเบีย UAE อิสราเอล และสหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเส้นทางขนส่งทางรางและทางเรือใหม่ที่เชื่อม มหาสมุทรอินเดียกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริง จะช่วยลดระยะเวลาขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียและยุโรปได้มากกว่า 40%
และเสริมบทบาทของ UAE ให้กลายเป็น “จุดศูนย์กลางการค้าระดับภูมิภาค (Regional Trade Pivot)”
ปัจจุบัน IMEC ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนพัฒนา และได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
แต่ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างเศรษฐกิจระดับโลกที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเปลี่ยนโฉมเส้นทางการค้าในอีก 10 ปีข้างหน้า
โอกาสของภาคธุรกิจและนักลงทุนในโครงสร้างใหม่นี้

1. โลจิสติกส์และซัพพลายเชน (Logistics & Supply Chain)
บริษัทขนส่งและผู้ให้บริการคลังสินค้าสามารถใช้ UAE เป็นฐานกลางกระจายสินค้าไปยังยุโรปและแอฟริกา
โดยเฉพาะเขต Jebel Ali Free Zone (JAFZA) ซึ่งเชื่อมตรงกับท่าเรือและสนามบิน
2. การผลิตและประกอบสินค้า (Light Manufacturing)
พื้นที่อย่าง Dubai Industrial City และ KIZAD (Abu Dhabi) เป็นโซนอุตสาหกรรมที่เหมาะกับธุรกิจการผลิตขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ พร้อมสิทธิ์ถือหุ้นต่างชาติ 100% และสิทธิประโยชน์ทางภาษี
3. การค้าระหว่างประเทศและบริการทางการค้า (Trade & Services)
ผู้ประกอบการจากเอเชีย โดยเฉพาะไทย สามารถใช้ดูไบเป็นศูนย์กลาง Re-export
เพื่อกระจายสินค้าไปยังตลาดยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลางได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
การสนับสนุนจากรัฐบาลและโครงสร้างเศรษฐกิจ
รัฐบาล UAE มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง
องค์กรสำคัญที่มีบทบาท ได้แก่
- DP World — ผู้บริหารท่าเรือระดับโลก มีเครือข่ายกว่า 70 ประเทศ
- Dubai Customs Smart System — ระบบศุลกากรอัตโนมัติ (Smart Customs / iDeclare) ที่ช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มความโปร่งใส
- Free Zones มากกว่า 40 เขต — เปิดให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้ 100% พร้อมสิทธิ์ทางภาษีและการอนุญาตที่รวดเร็ว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังลงทุนในเทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะ เช่น
AI Tracking Systems, Blockchain Trade Facilitation และ Smart Ports
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ
มุมมองสำหรับผู้ประกอบการไทย
ดูไบและอาบูดาบีไม่ใช่เพียงตลาดใหม่ แต่คือ “ประตูสู่การค้าระหว่างประเทศ” สำหรับผู้ประกอบการไทย
ธุรกิจไทยในกลุ่ม อาหารแปรรูป, เครื่องสำอาง, สินค้าเกษตร, โลจิสติกส์ และบริการระหว่างประเทศ
สามารถใช้ UAE เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าและบริการไปยังตลาดตะวันออกกลางและยุโรป
นอกจากนี้ การเจรจา ข้อตกลง CEPA (Comprehensive Economic Partnership Agreement) ระหว่างไทย–UAE
ยังคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเปิดทางให้ภาคเอกชนไทยเข้าถึงตลาดตะวันออกกลางได้สะดวกขึ้นในอนาคต
สรุป: ประตูแห่งการค้าโลกในยุคใหม่อยู่ที่นี่ — UAE
ด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และนโยบายเศรษฐกิจเปิดเสรี
UAE โดยเฉพาะ “ดูไบ” ได้กลายเป็น ศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เชื่อมเอเชียกับยุโรปอย่างแท้จริง ผ่านเครือข่ายขนส่งและนโยบายที่โปร่งใส
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่มองหา ตลาดใหม่และฐานธุรกิจระดับโลก
นี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเข้ามาศึกษาและวางแผนตั้งบริษัทในดูไบ เพื่อขยายสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน
InvestinAsia พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณในทุกขั้นตอน ติดต่อเราได้เลยวันนี้
Tel: (+66) 2 1188 999
Email: hello@investinasia.co.th
Website: https://investinasia.co.th